Toyota Corolla KE35 — มือใหม่สู่เจ้าของ “ท้ายลาด”

สรุปบทสนทนา JK (ผู้ถาม) x J (ผู้ตอบ) สำหรับลงเว็บไซต์

TL;DR (สรุปสั้น)

• รุ่น: Toyota Corolla KE35, จดปี 1979 (รุ่นทำตลาดตั้งแต่ 1973–1979 ตามที่ J เล่า)

• ราคาได้มา: 170,000 บาท (มองว่า “ออกสูงนิด” แต่สภาพดี ทำสีแล้ว)

• เครื่องยนต์: เดิม 4K คาร์บู “ตามคันอื่นไม่ทัน” → เปลี่ยนเป็น 7K เกียร์ธรรมดา, ค่าเปลี่ยน ไม่เกิน 20,000 บาท (ค่าแรงราว 4,000 บาท, เทิร์นเครื่องเก่า)

• การใช้งาน: ใช้งานจริง ขับไกลถึงมาเลเซีย สนุกและมันส์กว่าเดิมหลังเปลี่ยนเป็น 7K

• ตลาด+งบเล่น: ราคาตลาด “สภาพทั่วไป” ประมาณ แสนกว่าบาท ยังพอเล่นได้

• อะไหล่: ช่วงหน้าใช้ร่วมกับ KE30/KE36 ได้บางส่วน แต่ ชิ้นส่วนด้านท้ายแพง (ไฟท้ายชิ้นละ หมื่นกว่าบาท); รุ่น Levin แพงทั้งชุด (เช่น กระจังหน้า 3.5 แพงสุดเกือบ 20,000; ไฟท้ายแบบ Levin แถว สองหมื่น)

บทนำ

J เล่าความเป็นมาของ Corolla KE35 คันแรกในชีวิต—ซื้อเพราะ “ชอบทรงท้ายลาด” แม้ตอนนั้นยัง ไม่รู้เรื่องรุ่น/รหัสตัวถัง นัก เห็นโพสต์ใน Facebook ก็ขับไปดูที่ ฉะเชิงเทรา แล้วตัดสินใจซื้อทันที แม้ช่วงแรก ยังไม่มีเพื่อนเล่นรถ แต่ย้ำว่า “มาเล่นกันเยอะ ๆ จะได้มีคอมมูนิตี้ คุยกันสนุก”

ข้อมูลรถโดยสรุป

• รุ่น/ตัวถัง: Toyota Corolla KE35 (Fastback/ท้ายลาด)

• ปีจดทะเบียน: 1979 (J ระบุว่ารุ่นนี้เริ่มขายตั้งแต่ 1973 และลากยาวถึง 1979)

• ราคาได้มา: 170,000 บาท — “ดูสูงกว่าตลาดนิด” แต่ สภาพสีทำมาแล้ว

• การใช้งาน: มีรถใหม่ไว้ขับใกล้ ๆ ส่วนคันนี้ขับต่างจังหวัด ใช้งานจริง

• ล้อ/ฝาตบ: ฝาตบเดิม ขอบ 13

• ภายใน: ทำใหม่หลายจุด—คอนโซล, เบาะ, พวงมาลัย, หน้าปัดสไตล์ KE30; พื้นที่ท้าย ปูกันรอย ไว้ “ขนของ”

• การตกแต่งภายนอก: ลายคาดเป็น สติ๊กเกอร์ อ้างอิงจาก “คู่มือ” เคยเปลี่ยนลายตามใจแล้วแกะออกได้

เครื่องยนต์ & สมรรถนะ: ทำไมต้องเปลี่ยนเป็น 7K

• เดิมที เครื่อง 4K (คาร์บู) — J บอกว่า “ตามคนอื่นไม่ทัน” เวลาขับทริปยาว

• จึงเปลี่ยนเป็น 7K เกียร์ธรรมดา เพื่อการใช้งานจริง ขับสนุกและมั่นใจกว่า

• งบเปลี่ยนเครื่องรวม ๆ ไม่เกิน 20,000 บาท

  • ซื้อแบบ ท่อนตรง

  • เทิร์นเครื่องเก่า ช่วยลดค่าใช้จ่าย

  • ค่าแรงราว 4,000 บาท

• หลังเปลี่ยน ขับไกลถึงมาเลเซียได้แบบ “สนุก มันส์”

ราคาตลาดและความน่าเล่น

• J ประเมินว่า “สภาพทั่วไปแสนกว่าบาท” ยังพอจับต้องได้

• กรณี สภาพดี/ทำสีมาแล้ว ราคาซื้อจริงอาจสูงกว่าตลาดเล็กน้อย แต่ “ได้ความสบายใจเรื่องงานตัวถัง/สี” และเหลือทำ ด้านเครื่อง/จุกจิก ต่อ

อะไหล่ & ค่าใช้จ่ายที่ควรรู้

• ด้านหน้า: มีชิ้นส่วนที่ใช้ร่วมกับ KE30/KE36 ได้บ้าง → ช่วยให้หาอะไหล่ง่ายขึ้น

• ด้านท้าย: แพงและหายากกว่า

  • ไฟท้าย ชิ้นละ หมื่นกว่าบาท

  • รุ่น Levin: เป็น “ของพิเศษ” ราคาสูงทั้ง กระจังหน้า ฝากระโปรง ไฟท้าย

    • กระจังหน้า 35 Levin แพงสุด เกือบ 20,000 บาท

    • ไฟท้าย Levin ระดับ สองหมื่น

• ข้อสังเกต: ถ้าจะเล่นแนว Levin ต้อง เตรียมงบชุดหน้า-ท้าย ไว้พอสมควร

ประสบการณ์เจ้าของ: จาก “ไม่รู้รหัสรุ่น” → “สนุกกับการใช้งานจริง”

• จุดเริ่มต้นคือความ ชอบทรงท้ายลาด มากกว่าความเข้าใจเชิงเทคนิค

• ซื้อรถจากโพสต์ Facebook ขับไปดูเองและตัดสินใจที่หน้างาน

• ค่อย ๆ ปรับปรุงภายในให้ นั่งขับดีขึ้น และมีบุคลิกตามที่อยากได้

• เปลี่ยนเครื่องเพื่อ ให้ตรงกับการใช้งานจริง มากกว่าตามสเปกเดิม

• ย้ำว่า คอมมูนิตี้สำคัญ: ชวน “มาเล่นกันเยอะ ๆ” จะได้มีเพื่อนและแลกเปลี่ยนกันได้

คำแนะนำสำหรับคนเริ่มสนใจ KE35

1. ดูงานท้ายให้ดี — เพราะชิ้นส่วนด้านท้ายราคาแรง โดยเฉพาะ ไฟท้าย/งานหายาก

2. วางงบเครื่องแบบสมเหตุสมผล — ถ้าเน้นใช้งานจริง 7K เกียร์ธรรมดา เป็นตัวเลือกที่ “คุ้ม” ตามที่ J เล่า (ค่าแรงและค่าเครื่องรวม ๆ ไม่เกิน 20k)

3. เช็คงานสี/ตัวถัง — ถ้ารถทำสีมาแล้วดี ๆ จะประหยัดเวลาปรับปรุงต่อ

4. คอมมูนิตี้ช่วยได้ — เข้ากลุ่ม/เพื่อนเล่นรุ่นเดียวกัน ช่วยเรื่องอะไหล่ ข้อมูล และกำลังใจ

สรุปท้ายบท

KE35 เป็นรถที่ “เริ่มจากความชอบรูปทรง” ได้จริง—แม้ยังไม่รู้รหัสรุ่นก็เริ่มได้ หากค่อย ๆ ปรับให้ตรงการใช้งาน ด้วยงบประมาณที่ คุมได้ (เช่น การเปลี่ยนเครื่อง 7K แบบ ท่อนตรง + เทิร์นเครื่องเก่า) จุดที่ต้องระวังคือ ชิ้นส่วนด้านท้าย ซึ่งราคาสูงกว่าหน้า แต่ถ้ารับตรงนี้ได้ จะได้รถ ท้ายลาดบุคลิกชัด ที่ ขับทางไกลได้สนุก และมีสังคมคนเล่นร่วมทาง