พาชม Fiat 500 EV รถคลาสสิกในร่างไฟฟ้า 100%
บทความนี้เป็นการสัมภาษณ์ พี่ต้อง เจ้าของรถยนต์คลาสสิก Fiat 500D ที่ถูกดัดแปลงเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยยังคงรักษารูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างครบถ้วน จุดเด่นของรถรุ่นนี้คือ “ประตูเปิดย้อน” (Suicide Door) ซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่น
พี่ต้องได้อธิบายถึงความแตกต่างระหว่าง Fiat รุ่นต่างๆ รวมถึงที่มาของชื่อ “เฟียตนนท์” ซึ่งเป็นการดัดแปลงในไทยเพื่อเลียนแบบรุ่น “Jolly” ในอิตาลี การแปลงเป็นระบบไฟฟ้าไม่เพียงแต่ทำให้รถเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยให้สามารถติดตั้งแอร์ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่รถรุ่นเดิมไม่มี
ภายในรถยังคงความคลาสสิกไว้ด้วยระบบควบคุมแบบแมนนวลทั้งหมด ตั้งแต่การดึงคันโยกเพื่อสตาร์ทรถ ไปจนถึงสวิตช์ต่างๆ ที่ถูกดัดแปลงมาใช้กับระบบไฟฟ้าได้อย่างลงตัว เช่น การใช้สวิตช์ไฟเรือนไมล์เดิมเป็นตัวควบคุมเกียร์เดินหน้า-ถอยหลัง
สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของรถ Fiat 500 พี่ต้องแนะนำว่าควรมีงบประมาณเริ่มต้นที่ประมาณ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนเรื่องอะไหล่สามารถหาของที่ผลิตขึ้นใหม่ได้ แต่ต้องคำนึงถึงค่าขนส่งและภาษีนำเข้าด้วย บทสัมภาษณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความรักและความใส่ใจในการดูแลรักษารถคลาสสิกให้ยังคงโลดแล่นบนท้องถนนได้อย่างมีชีวิตชีวา
พูดคุยกับพี่ต้อง เจ้าของ Fiat 500 EV รถเล็กใจใหญ่ พร้อมรายละเอียดแบบเจาะลึก
วันนี้ JK ได้มีโอกาสพูดคุยกับ พี่ต้อง เจ้าของรถคลาสสิกสุดน่ารักอย่าง Fiat 500 ที่ไม่เพียงแต่จะดูแลรักษารถมาอย่างดี แต่ยังได้ปรับโฉมใหม่ให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อีกด้วย เรามาเจาะลึกทุกรายละเอียดของรถคันนี้กันครับ
JK: Fiat 500 น่ารักมากเลยครับ มันเป็นรูปทรงอย่างนี้มาตั้งแต่แรกเลยใช่ไหมครับ?
พี่ต้อง: ใช่ครับ ก่อนหน้านี้จะเป็นรุ่น 500N ซึ่งจะแตกต่างกันเล็กน้อย รุ่นนั้นจะเป็นรุ่นมหาชน ของน้อยๆ หน่อย หลังคาจะถลกเปิดได้หมดเลย แต่รุ่นนี้ (500D) จะเป็นหลังคาแข็งครึ่งเดียว และเอกลักษณ์ของรุ่น 500D คือประตูจะเปิดย้อน (Suicide Door) ส่วนรุ่นที่ใหม่กว่านี้ก็จะเป็นประตูเปิดปกติแล้วครับ
JK: แล้วที่เขาเรียกกันว่า “เฟียตนนท์” มันคือรุ่นไหนครับ?
พี่ต้อง: อ๋อ จริงๆ แล้วรถที่เข้ามาในไทยก็เป็นแบบนี้ครับ แต่ที่เมืองนนท์ เขาเอารถมาทำวิน ก็เลยมีการตัดหลังคาเพื่อเลียนแบบรถรุ่น “Jolly” ของที่อิตาลี ที่เขาทำเป็นรถวิ่งตามชายหาด เราก็เลยเรียกกันติดปากว่า “เฟียตนนท์” ครับ จริงๆ มันคือ Fiat 500 Jolly
JK: เห็นว่าคันนี้พิเศษตรงที่เป็นรถ EV ด้วยใช่ไหมครับ?
พี่ต้อง: ใช่ครับ ผมเปลี่ยนเป็น EV แล้ว ตอนที่ยังเป็นเครื่องเดิมเคยขับไปไกลสุดถึงหัวหิน-ปราณบุรี พอเป็นไฟฟ้าแล้วก็ขับไปบางแสนครับ
JK: ปกติรถรุ่นนี้เป็นเครื่องวางหลังขับหลังใช่ไหมครับ?
พี่ต้อง: ใช่ครับ เครื่องวางหลัง ผมก็เอามอเตอร์ไฟฟ้าไปชนกับเกียร์เดิมเลย เพราะชุดเกียร์ของเขามีขนาดเล็ก แล้วข้อดีของการเป็นไฟฟ้าคือสามารถติดแอร์ได้ เพราะเมื่อก่อนรถคันนี้ไม่มีแอร์ครับ
JK: การดูแลรักษารถคันนี้ต้องทำยังไงบ้างครับ?
พี่ต้อง: พยายามใช้ทุกวันครับ ให้รถได้วิ่ง
JK: เรามาดูภายในกันหน่อยครับ สวยมากเลย
พี่ต้อง: ทุกอย่างมันเป็นแมนนวลหมดเลยครับ อย่างถ้าเป็นแบบดั้งเดิม (Original) เวลาสตาร์ท เราจะไม่ได้บิดกุญแจสตาร์ทนะครับ กุญแจมีไว้แค่ปล่อยไฟเข้าระบบ แล้วเราต้องดึงคันโยกตรงนี้เพื่อสตาร์ท เป็นการดึงไดสตาร์ทโดยตรงเลยครับ
JK: แล้วปุ่มต่างๆ บนคอนโซลมีอะไรบ้างครับ?
พี่ต้อง: อันนี้เป็นโช้กครับ สำหรับรถเมืองหนาวไว้ช่วยตอนสตาร์ทตอนเช้า สวิตช์อันนี้เป็นไฟเรือนไมล์ อันนี้เป็นที่ปัดน้ำฝน ส่วนสวิตช์นี้คือเปิดไฟหรี่เท่านั้นครับ ถัดมาเป็นไฟหน้าปกติ และอันสุดท้ายคือไฟสูง ก้านนี้ก็คือก้านไฟเลี้ยวครับ
JK: พอแปลงเป็นรถไฟฟ้าแล้ว พี่ต้องได้ปรับเปลี่ยนการใช้งานสวิตช์พวกนี้ไหมครับ?
พี่ต้อง: ใช่ครับ ผมแปลงสวิตช์ไฟเรือนไมล์ให้กลายเป็นสวิตช์สำหรับเดินหน้า-ถอยหลังแทน โดยยังคงรูปลักษณ์เดิมไว้ครับ ถ้าอยู่ตรงกลางคือเกียร์ว่าง ดันขึ้นบนเป็นเดินหน้า กดลงล่างคือถอยหลังครับ
JK: มี Cruise Control ด้วยเหรอครับ?
พี่ต้อง: (หัวเราะ) อันนี้สมัยก่อนมันคือคันเร่งมือครับ เป็นการดึงเพื่อล็อกขาคันเร่งค้างไว้ เป็นระบบแอนะล็อกมากๆ แต่ผมก็ดัดแปลงโดยใช้จุดยึดเดิมมาทำเป็นสวิตช์เปิด-ปิดแอร์แทนครับ
JK: แอร์นี่เป็นของอะไรครับ แล้วลมออกมาจากตรงไหน?
พี่ต้อง: เป็นแอร์ไฟฟ้าของ Formula ครับ ส่วนช่องลม ตอนแรกมันเป็นช่องฮีตเตอร์ที่ดึงลมร้อนจากเครื่องยนต์ข้างหลังมาเป่า ผมก็ตีชุดบล็อกขึ้นมาใหม่เพื่อบังคับให้ลมแอร์มันเป่าเข้าหาตัวเราแทนครับ ขับแบบแมนนวลๆ ไม่ต้องปรับซ้ายขวา
JK: สมมติว่าถ้าอยากจะเล่นรถ Fiat 500 บ้าง ต้องเตรียมงบประมาณไว้เท่าไหร่ครับ?
พี่ต้อง: ถ้ารวมซื้อรถด้วย ผมว่าน่าจะประมาณ 1.5 ล้านบาทขึ้นไปนะครับ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ เลย
JK: แล้วเรื่องอะไหล่หายากไหมครับ ราคาแพงหรือเปล่า?
พี่ต้อง: จริงๆ บ้านเรามีอะไรที่เซอร์ไพรส์เยอะนะครับ อะไหล่จะคล้ายๆ กับรถโฟล์คเต่า คือมีของที่ผลิตขึ้นมาใหม่ (Reproduction) ขายอยู่เหมือนกัน แม้กระทั่งบอดี้ฝากระโปรงก็มีปั๊มขายแล้ว ราคาอะไหล่ไม่แพงมาก แต่จะหนักที่ค่าขนส่ง ค่าชิปปิ้ง และภาษีนำเข้าครับ
JK: สุดท้ายนี้อยากจะเชิญชวนคนที่สนใจมาเล่นรถรุ่นนี้ไหมครับ?
พี่ต้อง: ก็ดีครับ มาเล่นกันเยอะๆ ถ้าชอบก็ต้องหาครับ (หัวเราะ) ชอบก็จัด ประหยัดทำไม
JK: วันนี้ขอบคุณพี่ต้องมากครับสำหรับข้อมูลแน่นๆ เลยครับ
พี่ต้อง: ยินดีครับ